
9 วิธี ฝึกจิต หยุดตัวเองก่อนทำไม่ดี อ่านนะแล้วจะเป็นคนอยู่เป็น
นี่คือวิธีการ ฝึกจิต ป้องกันไม่ให้กิเลสปรากฏตัวออกมาเป็น
คำพูดหรือการกระทำที่จะช่วยให้เราสาม า รถ
จับจิตเ อ าไว้ได้ง่ายขึ้น เมื่อความโลภ ความโกรธ และความหลงปรากฏตัวออกมาย ากขึ้น
ก็จะช่วยส่งเสริมให้เราทำสิ่งที่ดีจนเป็นนิสัย มาดูวิธี ฝึกจิต ทั้ง 9 ข้อกัน
ฝึกจิต ควบคุมความอย าก
หากเราให้แรงดึงดูดที่เป็นความโลภทำงาน จิตจะปั่นป่วน
และแรงใจในการทำงานก็จะหยุดชะงักลง
สิ่งสำคัญในการฝึกจิต คือ การเข้าใจถึงเหตุและผลนั้นแล้วตั้งใจตรวจดูจิตให้ได้มาก
เท่าที่จะทำได้ เพื่อไม่ให้ความโลภบุกรุกเข้ามาได้
ควบคุมความโกรธ
หากเราให้ความโกรธซึ่งพลังการผลักไสทำงาน เราก็จะรู้สึกกระวนกระวายใจ
แล้วภายในร่างกายก็จะเต็มไปด้วย
ส า รพิ ษ กลายเป็นแหล่งที่จะดึงเ อ าความ ทุ ก ข์ ทั้งหมดที่มีเข้ามา กล่ า วได้ว่า
ความโกรธนี้แหละที่เป็นกิเลสตัวแรกเลยที่ควรระวังและควรขจัด ออกไปจากเรา
มองให้เห็นความเป็นจริง
เมื่อพลังที่จะทำให้ความหลงทำงานเกิดขึ้น จิตจะออกห่างจาก “ขณะปัจจุบัน”
แล้วกระจัดกระจายไปที่โน่นที่นี่ และกลายเป็นแหล่งเพาะความโลภและความโกรธ
การจะจับเ อ าชั่ วขณะที่พลังงานนี้เกิดขึ้นเ อ าไว้ได้นั้นจำเป็นจะต้องมีความใส่ใจที่ละเอียดมาก
หากเรารู้ตัวแล้วป้องกันเ อ าไว้ได้ จิตที่มีความสงบเป็นปกติ ไม่สั่นไหว และแจ่มชัดก็จะเติบโตขึ้น
ไม่โกหก
การโกหกนั้น เกือบทั้งหมดเป็นไปเพื่อการทำให้ความต้องการของตนเองบรรลุผล ดังนั้น
เมื่อโกหกแล้วพลังงานที่เป็นความต้องการก็จะถูกกระตุ้น
และมีปริมาณเพิ่มมากขึ้น หากเราโกหกแล้วครั้งหนึ่ง
ก็จะต้องโกหกซ้ำอีกในครั้งต่อไปเพื่อไม่ให้ความจริงถูกเปิดเผย และในแต่ละครั้งที่โกหก
สิ่งที่ผิ ด ไปจากความเป็นจริงก็จะถูกใส่ลงไปในจิตใต้สำนึกทุกครั้ง เมื่อทำซ้ำๆ
จิตจะยิ่งสับสนวุ่นวายยิ่งขึ้น ทำให้ความสาม า ร ถในการควบคุมตนเองลดน้อยลง
สูญเ สี ยสมาธิและความสาม า ร ถ ในการตัดสินใจไปทีละนิด
ไม่วิพากษ์วิจารณ์
เมื่อเรามีการวิพากษ์วิจารณ์ “ทิฏฐิ” ซึ่งเป็นการยึดติดกับความคิดของตนก็จะถูกกระตุ้น
และพลังงานความโลภที่บอกว่า “ฉัน! ฉัน!” ก็จะเพิ่มขึ้น และเนื่องจากมีความรู้สึก
ที่เป็นการโจมตีฝ่ายตรงข้ามเข้าม า ร่วมด้วย พลังงานความโกรธก็จึงเพิ่มขึ้นเช่นเดียวกัน
การพูดเรื่องที่ไม่ดีหรือเขียนสิ่งที่ไม่ดีเกี่ยวกับสิ่งที่ตนเองรู้สึกไม่พอใจ ภาพยนตร์
ที่คิดว่าน่าเบื่อ เพลงหรือหนังสือที่ไม่ชอบ เป็นต้น เป็นเรื่องที่พบได้บ่อยบนโลกใบนี้
แต่นั่นเป็นเพียงการกระทำที่ทำให้ตัวเราแปดเปื้อนและดูน่ารังเกียจด้วยความโลภและความโกรธ
ไม่นินทา
หากเรานินทาใครสักคนที่ไม่อยู่ในสถานที่นั้น จิตก็จะปั่นป่วนด้วยพลังงานความโกรธ
แทนที่จะเป็นการระบายความ เ ค รี ย ด แต่ กลับกลายเป็นการทำ
ให้ความเ ค รี ย ดที่ซ่อนตัวอยู่เพิ่มปริมาณมากขึ้น
อีกทั้ง เมื่อมองจากแง่ของการประมวลผลข้อมู ล ของจิตแล้ว
การที่เราจำเป็นต้องพูดเรื่องที่ แ ต กต่างกัน
โดยสิ้นเชิงเมื่อมีอีกฝ่ายอยู่ด้วยนั้น มีความเชื่อมโยงกับการเพิ่มขึ้นของพลังงาน
ความหลงซึ่งเกิดจากความสับสนวุ่นวายของห่วงโ ซ่ข้อ มู ล
ไม่พูดเรื่องที่ไม่มีประโยชน์
การพูดเรื่องที่ไม่มีประโยชน์ โดยเฉพาะการพูดโอ้อวดตนนั้น แม้ว่าฝ่ายที่พูดจะรู้สึกสนุก
แต่ฝ่ายที่ฟังมักจะรู้สึกทรม า นเมื่อเราเ ล่ า เรื่องที่
ไม่มีประโยชน์ เรามักพูดไปเรื่อยๆ โดยไม่คำนึงถึงว่า
ในบทสนทนานี้เราจำเป็นต้องถ่ายทอ ด อะไรออกไป หรืออีกฝ่ายได้ฟังเรื่องแบบใดจึงจะรู้สึกสนุก
นี่เป็นการแพร่ข้อมู ล ออกไปโดยปราศจากการตรวจสอบหรือควบคุมให้ดี
ผลคือความสาม า ร ถ ในการควบคุมตนเองจะลดลง และทำให้พลังงานความหลงเพิ่มขึ้นด้วย
นอกจากนี้ในขณะที่เรากำลังพูดกับอีกฝ่ายไปเรื่อยๆ นั้น ภายในจิต
ก็กำลังกระตุ้นพลังงานความต้องการที่ว่า
“เข้าใจฉันสิ! ยอมรับฉันสิ” อยู่ดังนั้น สิ่งสำคัญคือ เราต้องจำไว้ว่า การโวยวายเรียกร้องให้คน
“ยอมรับสิ!” นั้นกลับจะยิ่งทำให้ความรู้สึกของอีกฝ่ายไกลห่างออกไปอีก
ไม่นอกใจ
การนอกใจ มีที่มาจากพลังงานความโลภที่มีมากเกินไป จึงทำให้ไม่สาม า ร ถรู้สึกพอใจกับคนรัก
เพียงคนเดียวได้ นอกจากนี้พลังงานความหลงที่ไม่สาม า ร ถจดจ่ออยู่ที่คนคนหนึ่งได้
ทำให้หลงไปทางนั้นทีทางนี้ทีก็ยังถูกกระตุ้นอย่ างรุ น แ ร งอีก ด้วย
การกำลังคบกับคนคนหนึ่งเท่ากับเป็นการหักหลังอีกคนหนึ่ง และการกำลังคบกับคนอีกคนหนึ่ง
ก็เป็นการหักหลังคนอื่นไปอีก ความรู้สึกผิ ด ที่เกิดในเวลานั้นจะกลายเป็น
ความไม่พอใจ ทำให้พลังงานความโกรธเพิ่มขึ้น
คนส่วนใหญ่มักจะรู้สึกได้ว่าตัวเองกำลังถูกนอกใจ และนำไปพัฒนา
เรื่องราวที่เป็นความโกรธต่อว่า
“เราไม่ได้รับการให้ความสำคัญ” ทำให้เราต้องหาข้อแก้ตัวให้ได้
เพื่อหลบเลี่ยงความคิดนั้น จิตจึงไม่มีความสงบ
ไม่ฆ่ าสิ่งมีชีวิต
สาเหตุที่การไม่ฆ่ าสิ่งมีชีวิตเป็นกฎสำหรับควบคุมตนเองที่สำคัญ เพราะการฆ่ าสิ่งมีชีวิต
นั้นใช้พลังงานความโกรธที่รุ น แ ร งเป็นอย่ างมากในกรณีที่เราจะฆ่ าเป็นมนุษย์
พลังงานความโกรธที่รุ น แ ร งมากเป็นพิเศษจะถูกเรียกตัวม า ร วมกัน
แต่ความจริงแล้วไม่ว่าอีกฝ่ายจะเป็นยุงหรือแ ม ล งส าบก็ไม่แ ต กต่างกัน
ในกรณีนี้พลังงานความโกรธก็ถูกกระตุ้นเช่นกันว่า “สิ่งมีชีวิตที่ฉันเก ลี ยดนี่นา
เกะกะขวางทางฉันเ สี ยจริง สิ่งมีชีวิตแบบนี้น่าจะต า ย ไปซะ ไม่สิ มันสมควรต า ย ”
อย่ างน้อยเพื่อไม่ให้ฆ่ า ขอแนะนำให้กางมุ้ง หรือใช้ย ากันยุง
การเปลี่ยนความคิดจาก “เดี๋ยวฆ่ าซะเลย” เป็น “ช่วยไปที่อื่นหน่อยได้ไหม”
จะทำให้พลังงานความโกรธลดลง ทำให้จิตผ่อนคลายขึ้น
และการทำเช่นนั้นจะก่อให้เกิดนิสัยที่ดีงามขึ้นมา
ขอบคุณแหล่งที่มา verrysmilejung