
เขียนไว้โดนใจ “น้ำนิ่งไหลลึก น้ำลึกไร้เสี ย ง”บทความนี้ดีมาก
เรามีบทความดีๆที่อย า กนำมาให้คุณได้อ่ า นกันนะคะ
ซึ้งเป็นเรื่องที่อ่ า นกี่ครั้งก็ชอบมากๆ
เรื่องนี้มีอยู่ว่า บ้านหลังนึงมีกันอยู่สามคนนั่นก็คือ พ่อแม่ และลูก
ในวันหนึ่งพ่อชวนลูกออกมาเดินเล่นแถวชายป่า
เมื่อถึงทางโค้ง พ่อได้หยุดเดิน แล้วหันมาถามลูกว่า..?
ลูกของพ่อ นอกจากที่ลูกได้ยินเ สี ย งนกแล้ว ลูกได้ยินเ สี ยงอะไรอีก
ลูกก็หยุดเดินแล้วเอียงหูฟัง
แล้วก็ได้ตอบพ่อไปว่า…?
นอกจากเ สี ย งนกร้อง ผมได้ยินเ สี ย งรถม้าที่กำลังวิ่งอยู่
พ่อก็ตอบกลับมาว่า ถูกต้องแล้วลูก และนั่นเป็นรถม้าที่ไม่ได้ทุก ของอะไร
ลูกจึงแปลกใจ จึงรีบถามไปว่า…!!
พ่อรู้ได้ไงว่ารถม้าคันนี้ว่างเปล่า…?
พ่อจึงตอบกลับลูกไปว่า…!! แค่ฟังจากเ สี ย งก็รู้แล้วว่าเป็นรถเปล่า
เพราะถ้ารถม้าที่ว่างเปล่าเ สี ย งตอนที่รถวิ่งจะดังมาก พอเ ด็ กน้อยโตขึ้น
ทุกครั้งที่้เจอคนที่ชอบคุยโ ม้โอ้ อ ว ด พูดจาโ อ หั ง ชอบตัดบทคนอื่นเขา
อ ว ดตัวเอง คิดว่าตัวตนใหญ่โต ไม่มองเห็นใครในสายตา ดูหมิ่นผู้อื่น
ทำให้เขา…เข้าใจเลยกับคำที่พ่อพูดว่า “รถม้ายิ่งว่างเปล่า เ สี ยงก็จะยิ่งดัง”
คนที่มีความเชี่ยวชาญในการเดินข้ามห้วยน้ำลำธาร ก่อนที่จะลุยลงน้ำ
เขามักหยิบก้อนหินขึ้นมาก้อนหนึ่งแล้วปาไปกลางน้ำ เพื่อเป็นการคาดคะเนความลึกของน้ำ
ละอองน้ำยิ่งกระจายสูงขึ้นเท่าไหร่ น้ำในลำธารก็จะยิ่งตื้นเท่านั้น ในทางตรงกันข้าม
ถ้าละอองน้ำกระเซ็นขึ้นมายิ่งน้อยฉันใด แล้วยังบวกกับกระแสน้ำที่ไหลเงียบสนิท
พึงสังวรได้เลยว่า น้ำจะยิ่งลึกมากขึ้นฉันนั้น จำไว้ น้ำนิ่งไหลลึก น้ำลึกไร้เ สี ยง..
รถม้ายิ่งว่างเปล่า เ สี ยงก็จะยิ่งดัง คนมีดีแต่ไม่ทำตัวให้โด่ดเด่น
ไม่โ อ้อ ว ดบ ารมี ไม่พูดจาข่ ม เขา นั่นน่าจะเป็นวิถีของคนจริง
หากนำเอาหลักการเหล่านี้มาเปรียบเปรยกับบุคคลที่เราพบเจอ จะสังเกตุได้ว่า
คนใจเย็นเวลาสนทนากับคนอื่น มักจะสาม า รถหลีกเลี่ยงการขัดแย้งกับคู่สนทนา
และยังสาม า รถซึมซับรับรู้ถึงความคิดเห็นของคนอื่น
แทนที่จะดันทุรังเอาแต่ยัดเยียดความคิดเห็นตนเป็นใหญ่อยู่ฝ่ายเดียว
คนที่ก้าวเดินด้วยความใจร้อน มักมองไม่เห็นตะปูบนพื้นฉันใด
คนที่เต็มไปด้วยความวิต กกังวล
ก็ไม่รู้จักรสชาติของวันชื่นคืนสุขฉันนั้น ปฐพีนี้ไม่มีไรใหญ่เกินมหาสมุทร
แต่เหนือสุดกว้างใหญ่กว่าคือเวหา แม้นเวหาจะยิ่งใหญ่ครอบจักรวาล แต่ยังกว้างสู้จิตมนุษย์มิได้เอย
ขอบคุณแหล่งที่มา ขจรศักดิ์